พระราชธรรมาภรณ์
หลวงพ่อเงิน
วัดดอนยายหอม
๑. โยมบิดา-มารดา
หลวงพ่อเงิน
เป็นพระภิกษุ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ มีสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช
ที่ พระราชธรรมาภรณ์
แต่คนทั้งหลายรู้จักในนามของ
“หลวงพ่อเงิน
วัดดอนยายหอม”
หลวงพ่อเงิน
เป็นบุตรของนายพรหม และนางกรอง ด้วงพูล ราษฎรตำบลยายหอม อำเภอเมือง
จังหวัดนครปฐม มีอาชีพทำนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน คือ
๑. นายอยู่
ด้วงพูล
๒. นายแพ
ด้วงพูล
๓. นายทอง ด้วงพูล
๔. พระราชธรรมาภรณ์ (เงิน ด้วงพูล)
๕. นายเนียม ด้วงพูล
๖. นายแจ้ง ด้วงพูล
๗. นายเมือง ด้วงพูล
นายพรหม
ด้วงพูล โยมบิดาของหลวงพ่อเงินนั้น เป็นอุบาสกผู้เคร่งครัดในศีลธรรม
เคยบวชเรียนมา ๓ พรรษา มีความชำนาญในทางสมถะภาวนา
ได้ฌานโลกีย์ สามารถเข้าฌานเพ่งจิตเห็นอะไรได้ทั้งใกล้ไกล
ลี้ลับอย่างไรก็รู้ได้แจ้ง ใครมีทุกข์เดือดร้อนอะไร ไปหาให้ดูให้
นายพรหมก็สามารถบอกได้ถูกต้อง นอกจากนั้นยังเป็นแพทย์แผนโบราณด้วย
ใครป่วยไข้ก็ไปหาให้ประกอบยารักษาโรคให้ คาถาอาคมก็ได้รับความนับถือ โดยเฉพาะทางเมตตามหานิยม
และเสกหุ่นพยนต์สำหรับเฝ้าบ้าน เรื่องนี้ก็มีคนเล่าลือนับถือกันอยู่ในสมัยนั้น เล่ากันว่า
นายพรหมมีความเชี่ยวชาญทางกสิณมาก ถึงขนาดผักตบชวาที่ลอยน้ำมาในลำคลอง
นายพรหมก็สามารถเพ่งกสิณสำรวมจิตบังคับให้ผักตบชวาลอยทวนกระแสน้ำไหลได้ เล่าลือกันถึงกับว่า
แม้เรือเหาะ เรือบินที่แล่นอยู่บนอากาศ เมื่อเพ่งกระแสจิตไป
ก็ทำให้เรือบินหยุดอยู่กับที่ได้ด้วย คนทั้งหลายจึงนับถือนายพรหม ด้วงพูล เป็นอาจารย์ เรียกกันว่า
อาจารย์พรหม หรือ หมอพรหม เป็นที่รู้จักนับถือกันอยู่ในสมัยโน้น
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้
ผู้เขียนก็จะขอแวะเล่าเรื่องจริงประกอบสักเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ที่ตำบลตาก้อง
อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สมัยเดียวกันนี้ ก็มีคนหนึ่งชื่อ หมอแก้ว มีผู้คนทั้งตำบลนับถือกันมากว่า
ท่านนั่งทางในดูอะไรเห็นหมดเหมือนตาเห็น แต่มีเคล็ดอยู่ว่า เมื่อไปหาท่าน
เมื่อขึ้นเรือนไปพบหน้าท่าน ให้บอกเรื่องที่จะดูให้ทราบก่อน ห้ามพูดถึงเรื่องอื่น
มีเรื่องจริงอยู่ ๓ เรื่อง เรื่องที่แม่ข้าพเจ้าไปดูด้วยตนเอง
คือ คราวหนึ่งทองที่บ้านป้าหายไป ป้าก็สงสัยยาย คือแม่ของตัว
เพราะยายเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว ยายจึงให้แม่ไปดูหมอแก้ว หมอแก้วบอกว่าทองเหน็บอยู่ข้างฝาทิศตะวันตก
ห่อกระดาษสีแดง ให้กลับไปดู เมื่อกลับมาค้นดูก็พบทองเส้นนั้น เจ้าของเก็บไว้เองแล้วลืมที่เก็บ
เรื่องที่สอง
ควายออกลูกใหม่ๆ ได้ไม่กี่วันก็หายไป แม่ควายนมคัด ก็ร้องเรียกหาลูกทั้งวัน
แม่จึงไปหาหมอแก้วดู
หมอแก้วบอกว่า
ลูกควายนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทางทิศหรดี ให้ไปดูแล้วจะพบ เมื่อกลับมาดู
ก็พบลูกควายนอนอดนมอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่
เรื่องที่สาม
นายผิว ศรีสุข หลานแม่
ไปตัดไม้ในป่าเมืองกาญจน์
ถึงกำหนดกลับไม่กลับ
มีคนเล่าลือกันว่า
นายผิวตายเสียแล้ว นางเมียก็ร้องไห้มาบอกแม่ แม่จึงไปหาหมอแก้วดู หมอแก้วบอกว่าไม่ตายหรอก
สบายดี กำลังเดินทางกลับจะถึงบ้านแล้ว ไปนี่ให้หุงข้าวไว้ล่วงหน้า
เขาจะได้กลับมากินข้าว
ก็จริงเหมือนปากว่า แม่กลับบ้านสักพัก
นายผิวก็เดินทางกลับถึงบ้าน
เรื่องนั่งทางในเห็นอะไรได้ในที่ไกล
จึงเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในหมู่ผู้ได้ฌานสมาบัติ
หรือสำเร็จวิชากสิณ ในพระพุทธศาสนา
เรื่องเพ่งอะไรหยุด เพ่งเทียนดับ หรือเพ่งเครื่องยนต์ดับนี้ ก็ได้ยินอยู่บ่อยๆ พระอาจารย์บางองค์นั้นเพ่งเทียนก็ดับ พระอาจารย์ฝั้นว่า
ไม่อยากขึ้นเครื่องบิน กลัวจิตจะเผลอไปเพ่งเครื่องยนต์ของเรือบินเข้า
เพราะเคยนั่งรถยนต์เพ่งเครื่องยนต์รถยนต์ก็ดับ นี่คืออำนาจของฌานสมาบัตินำมาเล่าประกอบเรื่องนี้ไว้
เพื่อแก้สงสัยของนักวิทยาศาสตร์ทางวัตถุ จะโจมตีเอาได้
ก็เอาเป็นว่า นายพรหม ด้วงพูล โยมบิดาของหลวงพ่อเงินนั้น มีความรู้ ความชำนาญทางเพ่งฌานสมาบัติ
เป็นที่นับถือของชาวบ้านทั้งหลายในสมัยโน้น
ซึ่งได้ถ่ายทอดมาสู่บุตรชายคือหลวงพ่อเงินด้วย.
(โปรดติดตามตอนค่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น