๑๑.หลวงพ่อปราบการพนัน
หลวงพ่อไม่ได้บวชเพื่อแสวงหาลาภ
แสวงหาชื่อเสียง หรือแสวงหาลูกศิษย์ หลวงพ่อจึงไม่ประพฤติตามใจชาวบ้าน เพราะฉะนั้น เมื่อหญิงชาวสุพรรณ มุ่งมั่นมาขอหวย
หลวงพ่อจึงไม่ตามใจ เพราะเห็นแก่ศรัทธาความนับถือของเขา ที่จริงถ้าหลวงพ่อจะรับสมอ้าง นิ่งอึ้งเสียก็ได้
ทำกิริยาอาการอย่างไรก็ได้ ให้หญิงทั้งสองตีใบ้ หรืออ่านลายแทงเอาเองก็ได้
เหมือนที่พระอาจารย์บางท่านทำกันอยู่ แต่หลวงพ่อไม่ได้ทำเช่นนั้น
มิหนำซ้ำยังบอกตรง ๆ ว่า
"ไม่รู้จักกับขุนบาล"
"ถ้าฉันรู้ว่าหวยออกอะไร
ฉันก็บอกให้เด็กไปแทงเอาเงินมาสร้างวัดไม่ดีกว่าหรือ"
คำพูดอย่างนี้
เป็นคำพูดของคนที่มีจิตใจซื่อตรง รักษาสัตย์ รักษาธรรม
ไม่มีการพูดอ้อมค้อมวกวนอะไรเลย หลวงพ่อไม่มีกลอุบายลวงใจคนให้เลื่อมใส
มิหนำซ้ำยังสอนเสียด้วยว่า "การคิดเล่นหวยแทงหวยนี่ มันเรื่องของคนตาบอด
เรื่องของคนโง่"
บอกเสียด้วยว่า
"เงินไม่ใช่ของเล่น"
"ถึงจะถูกหวยรวยเงิน เงินมันก็ไม่อยู่กับเรานานหรอก สู้ทำบุญทำกุศล (คือทำดี) ดีกว่า"
นี่คือความสัตย์ความจริงของหลวงพ่อเงิน
ไม่มีลับลมคมใน ไม่มีไว้ชั้นเชิง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีกลมารยา
ไม่หลอกลวงคนโง่เขลา เมื่อเห็นว่าเขาโง่
ก็พูดก็บอกให้รู้ อย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวโกรธ ไม่กลัวว่าจะไม่มีคนนับถือ
เพราะไม่แสวงหาชื่อ ไม่แสวงหาลาภ ไม่แสวงหาศิษย์ แต่ก็แปลกที่มีคนนับถือมากขึ้นตามวัน เดือน
ปีที่ผ่านไป นี่ละกระมังที่สุภาษิตฝรั่ง
เขาก็บอกว่า
"ความซื่อสัตย์เป็นอุบายที่ดีที่สุด"
มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง
สมควรจะนำมาเล่าไว้ประกอบเรื่อง ในการศึกษาพิจารณาวินิจฉัยประวัติของหลวงพ่อเงิน
ว่าหลวงพ่อเงินมีดีอะไรนักหนา
ครั้งหนึ่ง นายฮะ
คนจีนในตำบลบ้านดอนยายหอม ซึ่งมีนิสัยเหมือนคนจีนทั้งหลายทั้งปวง คือแสวงหาทรัพย์
ไม่ว่าทรัพย์ที่ได้มานั้นจะได้มาแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนอย่างไร ก็ไม่คำนึงถึง คือเขาได้ยื่นคำร้องขอตั้งโรงยาฝิ่นขึ้นในตำบลดอนยายหอม
ตามระเบียบของทางราชการไทยในสมัยนั้น
ที่อนุญาตให้มีคนประมูลตั้งโรงยาฝิ่นจำหน่ายฝิ่นได้
เพื่อเอาเงินภาษีเข้าท้องพระคลังมหาสมบัติ
แม้จะทำให้ราษฎรไทยต้องฉิบหายขายตัวล่มจมก็เป็นเรื่องของสัตว์ผู้โง่เขลาต่างหาก
เมื่อมีคนมาพูดเล่าให้หลวงพ่อเงินทราบ
แทนที่จะคิดว่า เรื่องของโยมไม่ใช่กิจของสงฆ์ แทนที่จะวางอุเบกขาญาณอยู่แต่ในวัด
หลวงพ่อเงินซึ่งเป็นลูกชายชาวบ้านธรรมดาการศึกษาก็ไม่สูงส่งอะไร
กลับคิดไม่เหมือนคนอื่น หรือคิดไม่เหมือนรัฐบาลสมัยนั้น
หลวงพ่อเงินเริ่มพูดปรารภกับคนที่ไปมาหาสู่ท่านว่า
"ฉันใจไม่ดีเสียแล้ว"
"หลวงพ่อใจไม่ดีเรื่องอะไรล่ะครับ ?"
"ฉันได้ข่าวว่าไฟบรรลัยกัลป์ กำลังก่อขึ้นกลางหมู่บ้านของเรา
ฉันกลัวว่ามันจะเผาผลาญทรัพย์สิน บ้านเรือน ไร่นา วัวควาย
ของพี่น้องชาวบ้านนี้วอดวายไปหมด ไฟพรรค์นี้มันร้ายแรงนัก
มันเผาทั้งเงินทอง บ้านช่อง แม้กระทั่งวัวควายไร่นาทีเดียว ต่อไปพวกเราก็จะพากันลำบากยากจนไร้ที่อยู่อาศัย
ไร้ที่ทำมาหากิน ลูกเล็กเด็กแดงก็จะพลอยรับบาปไปด้วย มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน"
หลวงพ่อพรรณนา ให้เห็นภาพพจน์
ผู้เฒ่าผู้แก่ฟังปริศนาของหลวงพ่อไม่ออก
ก็ถามว่า
"หลวงพ่อรู้มาจากไหน ?"
หลวงพ่อย้อนถามว่า
"โยมอยู่บ้านยังไม่รู้อีกหรือนี่ ฉันอยู่วัดนี่ยังรู้เลย ไฟบรรลัยกัลป์ก็คือโรงยาฝิ่นของเจ๊กฮะมันยังไงล่ะ !" หลวงพ่อบอก
"เอาเถอะถ้ามันหลอกให้ชาวบ้านนี้สูบฝิ่นได้ ขืนไปมาหาสู่มัน
มันก็จะนั่งหัวเราะ ว่ามันฉลาดกว่าคนบ้านนี้เมืองนี้ หนักเข้าคนทั้งตำบลก็ต้องตกเป็นขี้ข้ามัน
เพราะฝิ่นมันกินจนหมดเนื้อหมดตัว"
ใครไปใครมาหลวงพ่อก็พูดอย่างนี้
ถึงแม้จะไม่ได้พูดซ้ำถ้อยคำ ซ้ำประโยคกัน ก็พูดทำนองเดียวกันนี้ หลวงพ่อเปรียบโรงยาฝิ่นของเจ๊กฮะ ว่า
- ไฟบรรลัยกัลป์ ไหม้วอดวาย
- ไฟนรก ไหม้ทุกข์ทรมาน
- ไฟสุมขอน ไหม้ไม่รู้จักดับ
- ไฟเย็น ไหม้อย่างไม่รู้ตัว
จนเป็นที่รู้ทั่วกันไปทั่วทั้งตำบลว่า
โรงยาฝิ่น เป็นสถานที่เลวร้าย เป็นสถานที่บาปกรรม ไม่ควรเข้าใกล้เป็นอันขาด ใครเข้าไปก็เป็นคนโง่ ใครเข้าไปก็ไม่ใช่คนไทย ใครเข้าไปก็ไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน
มีความหมายว่าอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยพูดอย่างนั้นเลยสักคำ คนก็เข้าใจกันอย่างนั้น
ด้วยคำของคนชาวดอนยายหอมพูดจาเล่าขานกันต่อ ๆ ไป
เมื่อโรงยาฝิ่นของเจ็กฮะมาตั้งขึ้นแล้ว
ก็ปรากฏว่าไม่มีใครในตำบลดอนยายหอมย่างกรายเข้าไปในโรงยาฝิ่นเลย หนักเข้าเมื่อจำหน่ายยาฝิ่นไม่ได้
โรงยาฝิ่นของเจ๊กฮะก็ต้องเลิกไปเอง
นี่คือบุญฤทธิ์ของหลวงพ่อเงิน
นี่คือบารมีของหลวงพ่อเงิน นี่คือประกาศิตของหลวงพ่อเงินแห่งวัดดอนยายหอม
เรื่องลักเล็กขโมยน้อยในตำบลดอนยายหอมจึงไม่มี
กิตติศัพท์หลวงพ่อเงิน จึงมีคนพูดโด่งดังไปถึงหูนายอำเภอ และหูเจ้าเมืองนครปฐม
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น